Rate this article:
2025.09.10
แม้ว่าจะเป็นการสัมภาษณ์งานเหมือนกัน แต่เนื้อหาของคำถามระหว่างการฝึกงาน และ การสมัครงานจริง นั้นแตกต่างกันมากโดยทั่วไปแล้วนายจ้างจะไม่คาดหวังว่าผู้สมัครฝึกงานจะต้องมีคุณสมบัติระดับมืออาชีพสูง ๆ แต่สิ่งที่พวกเขาจะให้ความสำคัญอย่างละเอียด คือ ทัศนคติและความตั้งใจที่จะเรียนรู้
สำหรับผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์การสัมภาษณ์ การมีสคริปต์การตอบคำถามที่สร้างความประทับใจแก่นายจ้าง คือสิ่งที่ช่วยให้โดดเด่นได้
ประสบการณ์การตอบคำถามในการสัมภาษณ์ฝึกงาน
3 สิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มโอกาสผ่านการสัมภาษณ์
1. เข้าใจเจตนาของคำถาม
การตอบตรงไปตรงมาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าตอบแบบธรรมดาโดยไม่คิดให้ถี่ถ้วน นายจ้างอาจไม่เห็นจุดเด่นของคุณ แต่ละคำถามมีจุดประสงค์เพื่อประเมินด้านใดด้านหนึ่ง เช่น บุคลิก ทักษะ ความรู้ หรือความเหมาะสมกับงาน
-
- ถ้าเป็นอุตสาหกรรมการแพทย์ :นายจ้างอยากรู้ว่าคุณใช้เวลาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติมากแค่ไหน
- ถ้าเป็นสายศิลปะ: ควรแสดงให้เห็นถึงความเป็นตัวเอง ศักยภาพ และความใฝ่ฝัน
- ถ้าเป็นสายการศึกษา: บุคลิก จริยธรรม การสื่อสาร และพฤติกรรมคือสิ่งสำคัญที่สุด
2. วิเคราะห์ตัวเองให้ชัดเจน
คุณมั่นใจในตัวเองหรือไม่? เข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองหรือเปล่า? นอกจากความรู้แล้ว นายจ้างยังอยากรู้ทัศนคติในการทำงานของคุณด้วย
อย่างไรก็ตามเวลาจะเตรียมตัวตอบคำถาม ควรย้อนมองประสบการณ์ นิสัย และสิ่งที่คุณให้ความสำคัญ แล้วเล่าให้เชื่อมโยงกับผลงานที่ผ่านมา
มีเป้าหมายชัดเจนในการสมัคร
นักศึกษาหลายๆคนมักจะสมัครหลายบริษัทพร้อมกัน แต่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลบริษัทจริง ๆ ทำให้แรงจูงใจลดลงในระยะยาว ทำให้นายจ้างจะกังวลที่จะรับคุณ
ดังนั้น ควรกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนว่า คุณอยากได้อะไรจากการฝึกงานครั้งนี้
เตรียมสคริปต์ตอบคำถามสัมภาษณ์ฝึกงาน
1. แนะนำตัวเอง
นี่คือคำถามแรกที่มักเจอ ใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงว่าคุณมีทักษะและคุณสมบัติที่เหมาะกับงาน
ตัวอย่างคำตอบ:
สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ มินาโตะ ซาโต้ นักศึกษาปี 3 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย〇〇
จุดแข็งของดิฉันคือทักษะการสื่อสารค่ะ ดิฉันทำงานพิเศษร้านกาแฟมาตั้งแต่ปี 1 ซึ่งนอกจากงานหลักอย่างรับออเดอร์และทำเครื่องดื่มแล้ว ดิฉันยังพยายามเข้าใจความต้องการของลูกค้าแต่ละคน เช่น การเลือกที่นั่งหรือแนะนำเมนูที่เหมาะสม เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจ
ในการฝึกงานฝ่ายขายกับบริษัทของท่าน ดิฉันอยากนำทักษะนี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ค่ะ
2. ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เคยเข้าร่วมชมรมหรือกิจกรรมอะไรหรือไม่?
เกี่ยวกับกิจกรรมชมรม กรุณาอธิบายตามลำดับดังนี้:
・บทบาทในชมรม
・ปัญหา/อุปสรรคที่พบ
・ระดับความสำเร็จในการแก้ปัญหา
・ผลลัพธ์ที่บรรลุได้
คำถามนี้ทดสอบ ความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
ตัวอย่างคำตอบ:
ดิฉันอยู่ชมรมซอฟต์บอล และรับหน้าที่เหรัญญิก ดูแลทั้งรายรับ-รายจ่าย เช่น การเก็บค่าชมรม ค่าอุปกรณ์ และค่าสมัครแข่งกีฬา
นอกจากนี้ดิฉันยังเสนอให้นำเงินส่วนเกินไปจัดกิจกรรมสันทนาการ เพื่อสร้างความสามัคคีในชมรม ทำให้ไม่ได้เป็นเพียงการดูแลบัญชี แต่ยังพยายามบริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่ะ
3. หนังสือเล่มโปรดของคุณคืออะไร?
เมื่อเทียบกับคำถามอื่น ๆ คำถามนี้ไม่ค่อยถูกถามมากนัก เพราะอาจมีความเสี่ยงเรื่องเลือกปฏิบัติในกระบวนการคัดเลือกได้ แต่ถ้าถูกถาม ก็ตอบสั้น ๆ เป็น ชื่อหนังสือ + เหตุผล
ตัวอย่างคำตอบ:
หนังสือที่ดิฉันชอบคือ “ตำราของพนักงานปีแรก” เพราะมีแนวทางปฏิบัติที่เป็นประโยชน์ต่อการเริ่มต้นทำงานจริงและทำให้ดิฉันอยากลองทำตามเมื่อเข้าสู่การทำงานค่ะ
4. ทำไมถึงอยากเข้าร่วมโครงการฝึกงานนี้?
นายจ้างอยากรู้ว่า คุณมีแรงจูงใจและเป้าหมายที่ชัดเจนหรือไม่ ดังนั้น ควรพยายามแสดงให้เห็นถึงแพสชั่นและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงเวลาที่เรียนมหาวิทยาลัย ตามสาขาที่ตนศึกษาอยู่
ตัวอย่างคำตอบ:
ดิฉันสนใจด้านการออกแบบตกแต่งภายใน และอยากทำความเข้าใจสินค้าของบริษัทท่านให้มากขึ้น ตั้งแต่เข้าเรียนมหาลัยและย้ายมาอยู่คนเดียว ดิฉันชอบเลือกของตกแต่งบ้านเอง และมักจะถูกสินค้าของบริษัทท่านดึงดูดโดยไม่รู้ตัว ในการฝึกงานครั้งนี้ ดิฉันอยากเรียนรู้กระบวนการออกแบบสินค้าและเหตุผลว่าทำไมสินค้าของบริษัทถึงน่าดึงดูดใจค่ะ
5. เป้าหมายของคุณในอีก X ปีข้างหน้าคืออะไร?
การคิดเกี่ยวกับเป้าหมายในอนาคตนั้น ไม่เพียงช่วยให้วาดเส้นทางอาชีพ ได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอีกด้วย ผ่านคำถามนี้ นายจ้างยังสามารถประเมินได้ด้วยว่าคุณเหมาะสมกับวัฒนธรรมองค์กรหรือไม่
เพื่อสร้างความประทับใจ ควรกำหนดเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เช่น การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นภายใน ○○ ปี
ตัวอย่างคำตอบ:
ในอีก 10 ปี ดิฉันอยากเป็นนักขายองค์กรที่สามารถนำเสนอในฐานะ “พาร์ทเนอร์ธุรกิจ” ที่ลูกค้าเชื่อมั่นได้ค่ะ เหตุผลก็คือ ดิฉันเชื่อว่าหน้าที่ของงานขาย ไม่ใช่แค่เพียงการนำเสนอสินค้าและช่วยเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการมีส่วนช่วยให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตจากข้อเสนอที่เรานำเสนอด้วย ดังนั้นตอนนี้ดิฉันกำลังศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทและเรียนทฤษฎีการตลาดในมหาวิทยาลัยด้วยค่ะ หากได้รับโอกาสเข้าทำงานกับบริษัทของท่าน สิ่งแรกที่อยากทำคือ การฝึกฝนและพัฒนาทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการขายให้มั่นคง และค่อย ๆ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นบุคลากรที่บริษัทและลูกค้าสามารถไว้วางใจได้ในระยะยาวค่ะ
6. คุณมีคำถามอะไรอยากถามไหม?
ที่จริงแล้ว คำถามลักษณะนี้จากนายจ้าง มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่ออธิบายให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทหรือเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่คุณสมัครเท่านั้น หากคุณรู้วิธีตั้งคำถามที่ดี จะช่วยให้นายจ้างให้ความสนใจในตัวคุณมากขึ้น และยังเพิ่มโอกาสในการได้งานอีกด้วย
ตัวอย่างคำถามที่ควรถาม:
- ก่อนเริ่มฝึกงาน ควรเตรียมทักษะอะไรบ้างคะ?
- นักศึกษาฝึกงานที่เคยทำผลงานได้ดีในอดีตมีลักษณะหรือคุณสมบัติอย่างไรบ้างคะ?
- ดิฉันสมัครฝึกงานเพราะสนใจ〇〇 แต่สำหรับคุณ อะไรคือเสน่ห์ที่ทำให้เลือกเข้ามาทำงานกับบริษัทนี้คะ?
สรุป
การเตรียมตัวกับคำถามยอดนิยมจะทำให้คุณได้เปรียบผู้สมัครคนอื่น แต่ก็อย่าลืมเรื่องมารยาท เช่น การแต่งกาย การเคาะประตูก่อนเข้า การไหว้ทักทายและลากลับ
เพราะสิ่งเล็กๆเหล่านี้ก็สร้างความประทับใจได้เช่นกัน
仕事探しから帰国まで、 専属のコンシェルジュがあなたをサポート。
日本 ネイティブの専属コンシェルジュがあなたを最後までサポートいたします。
Takeshi
Ai
Daisuke